วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
โครงการแกล้งดิน
โครงการแกล้งดิน
แกล้งดิน เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2517 เป็นต้นมา ให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดำเนินการศึกษา ทดลอง เพื่อปรับปรุงดินเปรี้ยว ให้สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้
ดินเปรี้ยวจัด เป็นดินที่มีดินเลนตะกอนทะเลอยู่ชั้นล่าง มีสารประกอบกำมะถันที่เรียกว่า สารไพไรท์ (FeS2) อยู่ปริมาณสูง เมื่อดินอยู่ในสภาพน้ำแช่ขังจะคงรูปดินมีสภาพเป็นกลางแต่เมื่อน้ำแห้งอากาศแทรกซึมลงไปในดินออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากับสารไพไรท์ ทำให้เกิดกรดกำมะถัน (H2SO4) และสารประกอบจากโรไซท์ (KFe3 (SO4) 2 (OH) 6) มีสีเหลืองซีดคล้ายสีของฟางข้าว ดินแปรสภาพเป็นกรดจัด เมื่อดินเปียกอีก กรดกำมะถันจะถูกพากระจายไปทั่วหน้าตัดดิน การที่ดินแห้งและเปียกสลับกัน สารไพไรท์จะเกิดปฏิกิริยาปลดปล่อยกรดกำมะถันขึ้นมาอีก และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริ เรื่องโครงการแกล้งดินตั้งแต่ ปี 2517 โดยให้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ทำการศึกษาทดลองวิจัยในพื้นที่ 6 ไร่ ทำขั้นตอนการแกล้งดินให้เปรี้ยวจัด ซึ่งดินเปรี้ยวจัดหากทำให้แห้งและเปียกสลับกันจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดกรดมากยิ่งขึ้น โดยใช้วิธีเลียนแบบสภาพธรรมชาติที่มีฤดูแล้งและฤดูฝนในแต่ละปี แต่ใช้วิธีการร่นระยะเวลาช่วงแล้งและช่วงฝนในรอบปีให้สั้นลง ซึ่งต้องใช้เวลา 2 ปี
แกล้งดิน เป็นการเร่งทำให้ดินเปรี้ยวเป็นกรดจัดรุนแรงที่สุด จนปลูกพืชเศรษฐกิจไม่ขึ้น จากนั้นหาวิธีการทำให้ดินเปรี้ยวสามารถปลูกพืชได้ โดยมีวิธีการทดลอง แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ
1.ขั้นตอนการแกล้งดินให้เปรี้ยวจัด
2.ขั้นตอนการศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของดิน
3.ขั้นตอนการศึกษาวิธีการปรับปรุงดิน เมื่อได้ข้อสรุปแนวทางและวิธีการปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดเพื่อปลูกพืชแล้ว การทดลองยังดำเนินต่อไปเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของดินและผลผลิตพืช
ผลสรุปจากการทดลอง การแกล้งดิน เป็นการเร่งทำให้ดินเปรี้ยวเป็นกรดจัดรุนแรงที่สุดจนไม่สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้ จากนั้นหาวิธีการปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดรุนแรงที่สุด ให้สามารถปลูกพืชเศรษฐกิจได้ โดยอาศัยวิธีการต่างๆ คือ
1.การปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดเพื่อปลูกข้าว
2.การปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดเพื่อปลูกพืชไร่ พืชผัก
3.การปรับปรุงดินเปรี้ยวจัดเพื่อปลูกไม้ผล
4.จากการทดลองปรับปรุงดินแล้วไม่ใช้ประโยชน์ต่อเนื่องดินจะเปรี้ยวจัดรุนแรงอีก
5.ดินเปรี้ยวจัดในสภาพที่ไม่ถูกรบกวน
ซึ่งต่อมา ได้มีการนำผลสำเร็จจากโครงการแกล้งดินขยายผลสู่พื้นที่ต่างๆ หลายแห่ง อาทิ หมู่บ้านรอบๆ ศูนย์ 11 หมู่บ้าน ศูนย์สาขาทั้ง 4 แห่ง โดยเฉพาะ โครงการพัฒนาพื้นที่ดินเปรี้ยวในจังหวัดนราธิวาส เช่น บ้านโคกอิฐ-โคกใน บ้านยูโย บ้านโคกกระท่อม บ้านโคกงู บ้านโคกชุมบก บ้านปลักปลา บ้านบาวง โครงการฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตรในเขตลุ่มน้ำบางนรา และโครงการพัฒนาพื้นที่พรุแฆแฆอันเนื่องมาจากพระราชดำริจังหวัดปัตตานี
ทั้งนี้ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ได้แนะนำให้เกษตรกรรู้จักวิธีการปรับปรุงบำรุงดิน การส่งเสริมและการสาธิตกิจกรรมการเกษตรด้านต่างๆ โดยเฉพาะการทำนาปลูกข้าว จนกระทั่งราษฎรในพื้นที่ดังกล่าวสามารถทำการเกษตร สร้างรายได้จุนเจือครอบครัวได้มากขึ้นซึ่งมีหลายรายที่ประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพการเกษตรหลังจากได้รับการฟื้นฟูสภาพดิน
สำหรับพื้นที่พรุแฆแฆนั้นปัจจุบันเกษตรกรในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมต่างได้ใช้พื้นที่เพื่อการเกษตรหลายรายการด้วยกัน นับตั้งแต่การปลูกข้าว การปลูกผัก ไปจนถึงการปลูกพืชยืนต้น ซึ่งจากการสังเกตพบว่า ต้นพืชเหล่านั้นมีการเจริญเติบโตดี นับเป็นโอกาสที่ดีของประชาชนในพื้นที่ที่สามารถนำผืนแผ่นดินมาใช้ประโยชน์เพื่อการดำรงชีพได้อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แทบจะหมดสิ้นแล้วซึ่งโอกาสอันนี้
http://www.ryt9.com/s/bmnd/703066
โครงการเศรษฐกิจพอเพียง
เศรษฐกิจพอเพียง
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำริชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนักธุรกิจในทุกระดับ ให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้นๆ อย่างรอบคอบ
๓. ภูมิคุ้มกัน หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่างๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยมี เงื่อนไข ของการตัดสินใจและดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียง ๒ ประการ ดังนี้
๑. เงื่อนไขความรู้
๒. เงื่อนไขคุณธรรม
วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554
โครงการแก้มลิง
"โครงการแก้มลิง"
"...ตามปกติ เวลาเราให้กล้วยกับลิง ลิงจะเคี้ยวแล้วเก็บไว้ในแก้มลิง... เขาเคี้ยวแล้วเอาไปเก็บในแก้ม น้ำท่วมลงมา ถ้าไม่ทำ
"โครงการแก้มลิง" น้ำท่วมนี้จะเปรอะไปหมด อย่างที่เปรอะปีนี้ เปรอะไปทั่วภาคกลาง จะต้องทำ "แก้มลิง" เพื่อที่จะเอาน้ำปีนี้ไปเก็บไว้..."
"โครงการแก้มลิง" น้ำท่วมนี้จะเปรอะไปหมด อย่างที่เปรอะปีนี้ เปรอะไปทั่วภาคกลาง จะต้องทำ "แก้มลิง" เพื่อที่จะเอาน้ำปีนี้ไปเก็บไว้..."
พระราชดำรัส ๔ ธันวาคม ๒๔๓๘
"โครงการแก้มลิง"
ทำให้ปริมาณน้ำจำนวนมากไหลหลากท่วมพื้นที่อย่างรุนแรงในลุ่มแม่น้ำยมและน่านเสริมกับปริมาณน้ำล้นอ่างเก็บน้ำ
เขื่อนสิริกิติ์ไปหลากท่วมพื้นที่ทางด้านท้ายน้ำอย่างหนัก และส่งผล กระทบต่สภาวะน้ำท่วมในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง
ซึ่งรวมถึงเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นเวลานานกว่า ๒ เดือน
คืนวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่ดูแลปัญหาน้ำท่วมเข้าเฝ้าฯ
เพื่อรับพระราชทานแนวพระราชดำริการป้องกันน้ำท่วม ในพื้นที่บริเวณกรุงเทพฯ และปริมณฑล
โดยทรงเปรียบเทียบการ กินอาหารของลิงหลังจากที่ลิง เคี้ยวกล้วยแล้วจะยังไม่กลืน แต่จะเก็บไว้ภายในแก้มทั้งสองข้างแล้วค่อย ๆ ดุนกล้วยมากินในภายหลัง
เช่นเดียวกับกรณีการผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งน้ำที่ขึ้นมาตามซอยต่าง ๆ เมื่อน้ำทะเลหนุนให้ไปเก็บไว้ที่บึงใหญ่
ที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ชายทะเล และมีประตูน้ำขนาดใหญ่สำหรับปิดกั้นน้ำบริเวณแก้มลิงสำหรับฝั่งตะวันตกจะอยู่ที่คลองชายทะเล
ด้านฝั่งตะวันออกบริเวณแก้มลิงจะอยู่ที่คลองสรรพสามิต เมื่อเวลาน้ำทะเลลดลงให้เปิดประตูระบายน้ำออกไป บึงจะสามารถรับน้ำชุดใหม่ต่อไป
วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554
โครงการฝนหลวง
จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆเป็นประจำ ได้ทรงพบเห็นท้องถิ่นหลายๆแห่งประสบปัญหาความแห้งแล้ง หรือขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการทำเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก เกษตรกรจะประสบความเดือดร้อน ทุกข์ยากมาก เนื่องจากบางครั้งฝนได้ทิ้งช่วงนานหรือภาวะฝนทิ้งช่วงเกิดในระยะวิกฤติของพืชผล คือพืชอยู่ในระยะที่กำลังให้ผลผลิตต่ำ หรืออาจจะไม่มี ผลผลิตให้เลย เป็นต้น ดังนั้นภาวะฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วงใน แต่ละครั้ง/แต่ละปีจึงสร้างความเดือดร้อน และความสูญเสียทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกรเป็นอย่างสูง นอกจากนี้ภาวะความต้องการใช้น้ำนับวันจะทวีปริมาณความต้องการเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการเพิ่มของประชากร การขยายพื้นที่เกษตรกรรมและการเจริญเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรม
ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกลและทรง ความอัจฉริยะในพระองค์ท่านดังนั้นในปี พุทธศักราช2498จึงได้มีพระราชดำริค้นหาวิธีการ ที่จะทำให้เกิดฝนตกนอกเหนือจากที่จะได้รับ จากธรรมชาติโดยนำเทคโนโลยีนำสมัยและทรัพยากร ที่มีอยู่ประยุกต์กับศักยภาพของการเกิดฝน ในเขตร้อน เช่น ประเทศไทยมุ่งขจัดปัญหา ความเดือดร้อนดังกล่าว และทรงมีพระราชหฤทัย เชื่อมั่นว่าวิธีการดังกล่าวนี้ จะทำให้ การพัฒนาระบบการจัดทรัพยากรน้ำของชาติเกิด ความพร้อมและครบบริบูรณ์ตามวัฏจักรของ น้ำ คือ
1. | การพัฒนาระบบ การจัดการทรัพยากรแหล่งน้ำใต้ดิน |
2. | การพัฒนาระบบ การจัดการทรัพยากรแหล่งน้ำผิวดิน |
3. | การพัฒนา การ จัดการทรัพยากรแหล่งน้ำใน บรรยากาศ |
วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ความประทับใจการไปทัศนศึกษา
การไปทัศนศึกษาครั้งนี้มีความประทับใจที่ได้ไปเที่ยวเดิร์มเวิร์ด ได้ไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ มีทั้งความสนุก มันส์ ฮา เสียว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)